เจดีย์พุทธคยา

Last updated: 24 ต.ค. 2568  |  6 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เจดีย์พุทธคยา

มหาเจดีย์พุทธคยา (วัดพระศรีมหาโพธิ)

สิ่งสำคัญคู่กับสถานที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้าคือ มหาเจดีย์พุทธคยา ตั้งแต่เริ่มแรกหลังการตรัสรู้ไม่ได้มีการสร้างเจดีย์ขึ้นมา เริมสร้างตั้งแต่ พ.ศ.228 สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชพระองค์ทรงดำริสร้างถาวรวัตถุเพื่อป็นหลักฐานใว้ให้คนในยุคต่อไปได้บูชาสักการะ เป็นเจดีย์ขนาดไม่ใหญ่ และสร้างพระแท่นวัชรอาสน์ ไว้ระหว่างต้นพระศรีมหาโพธิและพระเจดีย์ มาจนถึงปัจจุบันนี้  ต่อมาในปี พ.ศ. 680 สมัยพระเจ้าหุวิชษกะ ท่านมีพระราชประสงค์จะขยายเจดีย์ให้ยิ่งใหญ่ขึ้นจึงมีการต่อเติมให้เจดีย์มีขนาดใหญ่โตยิ่งขึ้น ซึ่งเจดีย์นี้จึงได้เรียกชื่อว่า มหาโพธิเจดีย์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พอมาถึงยุคของพระถังซัมจังได้เดินทางมาในปีพุทธศักรราช 1,173 และพรรณนาเอาไว้ว่าเป็นเจดีย์ที่มีความสูง 170 เซียะ คือประมาณ 56 เมตร องค์พระเจดีย์มีการประดิษฐานองค์พระปฎิมาทองคำบนทุกชั้นและด้านบนยอดเป็นผลชมพู่น้ำดอกไม้ที่ทำด้วยทองคำ องค์สถูปเจดีย์สร้างด้วยอิฐสีครามและฉาบปูนสีขาวจากนั้นรอบนอกของพระเจดีย์ฉาบย้อมด้วยทองคำ หรือทาทองหรือปิดทองนั่นเอง ต่อมามีการบูรณะเจดีย์และมีการเปลี่ยนรูปแบบไปครั้งยิ่งใหญ่ในปี พ.ศ.1,491 ผู้ออกแบบคือ อมรเทวพรามห์ คือปุโรหิตตาจารย์ของพระเจ้าวิกรมมาทิศแห่งเมืองมัลลวา ตัวองค์เจดีย์เป็นองค์สิกะระ บนยอดเจดีย์เป็นผลอะมะละกะ หรือผลมะขามป้อม เป็นตัวแทนจักรวาล ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระองค์ปฎิบมา ชั้นที่ 1 เป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อ ภควันหรือหลวงพ่อพระพุทธเมตตา เป็นพระพุทธรูปหินแกรนิตสีดำในศิลปะยุคราชวงค์ปาละที่งดงามประดุจดั่งมีชีวิต ส่วนชั้น 2 ประดิษฐานพะพุทธปฎิมาปางประทานพรทรงเครื่องและเป็นศิลปะแบบ 8 ปาง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรูปลักษณะของ พระศรีอรียเมตไตร พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนั่นเอง เป็นนัยยะว่าผู้ที่มากราบมหาโพธิวิหารแห่งนี้ด้านล่างได้กราบพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือพระพุทธเมตตา และหากเรายังไม่บรรลุธรรมตามพระศาสดาได้ ก็อธิฐานด้วยบุญบารมีที่เราได้มากราบสถานที่ตรัสรู้นี้จงเป็นพลวะปัจจัยให้เราได้พบพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปและได้บรรลุธรรมในสมัยของท่านสืบไป  เจดีย์นี้ดำรงอยู่ต่อมา จนถึงปี พ.ศ.1760 ตอนนั้นชาวมุลลิมเติร์กที่เข้ามายึดครองชมภูทวีปก็กวาดล้างทำลายพุทธสถานต่างๆ จนในที่สุดเข้ามาถึงพุทธคยาจนได้ทำลายองค์พระมหาเจดีย์จนย่อยยับลงไป ทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งให้รกร้างมายาวนานหลายร้อยปี ต่อมาถึงปี พ,ศ.2423 ท่านเซออเล็กซ่านเดอร์คันนิ่งแฮม หัวหน้ากองโบราณคดีชาวอังกฤษท่านได้เข้ามาบูรณะพุทธคยาสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้อีกครั้ง ให้เป็นไปตามรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบพิมพ์เขียวที่อมรเทวพรามห์ได้เคยเขียนเอาใว้จึงได้กลับมาเป็นรูปลักษณะที่เราได้เห็นในปัจจุบันนี้นั่นเอง และเป็นเจดีย์ที่พวกเราชาวพุทธได้หลั่งไหลมาบูชาจากทั่วทุกมุมโลกในปัจจุบัน การได้บูชาสักการะสถานที่แห่งนี้ทำให้ใจของพุทธบริษัทที่เดินทางมาได้รู้สึกไกลชิดกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากยิ่งขึ้น

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้